“หนึ่งในหนังสือที่ทรงพลังที่สุดของ John C. Maxwell เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นคนเก่งขึ้นมาแล้วนับล้านคนทั่วโลก”
ปกติไม่ค่อยได้อ่านปกหนังสือแบบนี้ แต่พออ่านไปแล้วแบบเห้ย มันดีมากอ่ะ คือมันเหมือนเป็น A to Z ให้กับชีวิตเรา กฏบางข้อเราอาจทำอยู่แล้วอย่างพวกข้อแรกๆ ที่หนังสือหลายเล่มสอนอยู่แหละ แต่บางข้อเหมือนเป็นจิ๊กซอที่ขาดหายไปที่ยังไม่ได้ทำและคิดว่ามันจริงนะ ถ้าเราลองทำเพิ่มมันน่าจะดีกับเราไปอีก
ส่วนตัวคิดว่าคนเก่งสุดท้ายกลับมาที่แบ่งปันหมด และเล่มนี้ก็จบแบบนั้นเราเลยชอบมาก แต่จิ๊กซอที่เราขาดคือการพัฒนาตัวเองกับโค้ชกฏข้อที่ 13 ซึ่งจริงๆ คนเรามีหลายโค้ชได้นะ แล้วแต่ด้านไหนที่อยากพัฒนา เอาจริงคิดว่าเจอแล้วหล่ะเหลือแค่หมั่นเติมความรู้จากเขา

****สรุปมาง่ายๆ เพราะคิดว่าอยากให้หลายคนได้ลองอ่าน แต่ถ้าอ่านเล่มเต็มมันจะจบด้วยวิธีทำแต่ละกฏให้ได้ ยังย้ำเสมอว่าการมาสรุปเพียงแค่อยากแนะนำแต่การอ่านเองอย่างไรก็ดีที่สุด
15 Invaluable Laws of Growth
1. กฏแห่งความตั้งใจ
“คนที่ใช้ชีวิตเพื่อรอวันพรุ่งนี้จะอยู่ห่างจากความสมปรารถนาไปหนึ่งวันเสมอ”
ปัญหาคือการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้เราพัฒนาขึ้น แต่เราต้องมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเอง ตัดสินใจว่าคุณจำเป็นต้องเติบโตด้านไหน เลือกว่าจะเรียนรู้อะไร แล้วทำตามอย่างมีวินัยตามจังหวะตัวเอง
2. กฏแห่งการตระหนักรู้
“ก้าวแรกสู่ความเปลี่ยนแปลงคือการตระหนักรู้ ส่วนก้าวที่สองคือการยอมรับ”
ลองถามตัวเองว่า คุณอยากทำอะไร ?
จงหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณแล้วฝึกฝนตัวเองเพื่อพัฒนาเอกลักษณ์นั้น ลองพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดไหน ถ้าไม่ใช่จุดหมายที่คุณต้องการ ให้เขียนขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อไปยังจุดนั้นแล้วทำสิ่งที่อยากทำเขียนออกมาให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณอาจสงสัยว่ามันจะใช่ขั้นตอนที่ถูกต้องหรือเปล่า มันจะอาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่ชัดจนกว่าจะเริ่มก้าวไปข้างหน้า
ซึ่งการพาไปขั้นต่อไปคือ
– ลงมือทำ
– การมีสำนึกรับผิดชอบ (บอกเป้าหมายของคุณให้คนอื่นรับรู้จะสร้างแรงกดดันให้คุณทำต่อไป)
– การดึงดูด (ดึงดูดคนที่มีความคิดคล้ายๆ กันเข้ามาในชีวิต)
– รุ้จักคนที่ทำในสิ่งที่คุณอยากทำไหม (มองหาคนที่ทำสิ่งนั้นได้ดีเยี่ยมและหาทางเรียนรู้จากพวกเขา)
ทุ่มเทเวลาหาคนนั้น (หากต้องจ่ายเงินก็ต้องทำ) > มีความสม่ำเสมอ(พบปะพูดคุยบ่อยๆ) > มีความคิดสร้างสรรค์(หากพบปะเขาไม่ได้ก้อให้หาหนังสือเขามาอ่าน) > มีเป้าหมาย(นัด 1 ชม. ก้อต้องเตรียมตัว 2 ชม.) > รู้จักทบทวน (คุย 1 ชม. ก้อต้องทบทวนสิ่งที่ได้เรียนอีก 2 ชม.) > รู้จักขอบคุณ (อย่าลืมแสดงออกว่าเราซึ้งใจที่ได้เรียนรู้จากเขา)
3. กฏแห่งกระจกเงา
“คนจำนวนมากไม่สำเร็จในการพัฒนาตัวเอง หนึ่งในสาเหตุหลักคือการเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำ ไม่เชื่อมั่นในตัวเองและมองไม่เห็นสารพัดของความเป็นไปได้”
วิธีมองตัวเองในเชิงบวก
– ระวังสิ่งที่เราพูดกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจและสนับสนุนตัวเองทุกครั้งที่ทำบางอย่างได้ดี อย่าปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ พูดชมเชยตัวเองบ้าง
– เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น การเห็นคนอื่นไปไกลรู้สึกท้อถอยหรือเห็นตัวเองทำได้ดีรู้สึกภูมิใจไม่ช่วยให้พัฒนา ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานพอ
– ก้าวข้ามผ่านความเชื่อที่จำกัดคุณเอาไว้
– เพิ่มคุณค่าให้ผู้อื่น
– ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้มันจะยาก
– หมั่นฝึกฝนวินัยเล็กๆ น้อยๆ ในด้านใดด้านหนึ่งของชีวิต
– ฉลองให้กับชัยชนะเล็กๆ
– สร้างภาพอนาคตเชิงบวกจากสิ่งที่คุณให้คุณค่า
4. กฏแห่งการทบทวน
“คนฉลาดจะตั้งถามกับตัวเอง ส่วนคนโง่จะตั้งคำถามกับผู้อื่น”
การพัฒนาบางอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อเราเต็มใจที่จะหยุดพักและคิดทบทวนสิ่งต่างๆ เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากสถานที่สำหรับการคิดทบทวนและใช้เวลาที่นั้นให้เป็นนิสัย เพราะมันจะเปลี่ยนชีวิตได้เลย สถานที่สำหรับปลีกวิเวกท่ามกลางความยุ่งยากในชีวิต ความสำเร็จและความล้มเหลวจะมีอิทธิพลต่อเราน้อยลง
Investigation หยุดคิดทบทวนกับสิ่งเหล่านั้นและอาศัยการตั้งคำถามเราจะพัฒนาจากประสบการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้าใจลึกซึ้ง
Incubation เก็บประสบการณ์ชีวิตไว้ในความคิด พลางคิดทบทวนอยู่บ่อยๆ เหมือนการทำสมาธิ
Illumination ช่วงตระหนักรู้หรือเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที “รู้แจ้ง”
Ilustration การอธิบายให้เห็นภาพ
5. กฏแห่งความสม่ำเสมอ
“แรงจูงใจผลักดันให้คุณเริ่มต้น แต่การมีวินัยจะทำให้คุณพัฒนา”
หลายคนทำพลาดเมื่อพยายามจะบรรลุเป้าหมายคือ พวกเขาเอาแต่มองหาความสำเร็จยิ่งใหญ่ โดยส่วนใหญ่ความสำเร็จไม่ได้มาจากโชคหล่นทับ แต่มาจากกระบวนการอันเรียบง่ายและค่อยเป็นค่อยไปต่างหาก
กิจวัตรเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก มันจะเปลี่ยนการกระทำให้เป็นทัศนคติ และเปลี่ยนทัศนคติให้กลายเป็นวิถีชีวิต Compound Effect คือหลักการของการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการตัดสินใจ ทำสิ่งเล็กๆ ที่ชาญฉลาดหลายๆ ครั้ง แม้ว่าผลลัพธ์จะยิ่งใหญ่ แต่ระหว่างทางก่อนไปถึงจุดนั้นคุณกลับไม่ได้รู้สึกว่าทำสิ่งที่สำคัญอยู่เลย จงมุ่งมั่นเน้นการพัฒนาตัวเองแทนการบรรลุเป้าหมาย ต้องพยายามสม่ำเสมอและเชื่อมั่นในตัวเองต่อไป
6. กฏแห่งสภาพแวดล้อม
“ทุกคนล้วนมีจุดหนึ่งในชีวิตที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเพื่อการเติบโต”
หนึ่งในกุญแจสำคัญของการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยให้เราพัฒนาคือรู้ความแตกต่างระหว่างปัญหาและความจริงของชีวิต
7. กฎแห่งการออกแบบ
“หากเราไม่ออกแบบระบบชีวิตของตัวเอง เรามีโอกาสที่จะไปอยู่ในแผนการใช้ชีวิตของคนอื่น”
ระบบที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร
1) คำนึงถึงสภาพรวม จะมีประสิทธิภาพต่อเมื่อเราเริ่มต้นอย่างมีจุดหมาย ลองหาคำตอบว่าความพิเศษของคุณคืออะไร ระบบแบบไหนที่จะช่วยคุณพัฒนาความพิเศษเหล่านั้นในทุกวัน
2) คำนึงลำดับความสำคัญ ตอนนี้ใช้เวลากับอะไรถึงจะคุ้มค่าที่สุด หาช่วงเวลาที่อยากพัฒนาตัวเอง
3) ต้องมีการวัดผล ปัจจุบันอยู่ตรงไหน และอีก 5 ปีข้างหน้าจะไปอยู่ตรงไหน
4) ต้องเกิดการใช้งานจริง ลงมือทำ!!
5) ต้องมีระเบียบ จัดตารางเวลาให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย
6) สร้างความสม่ำเสมอ คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ไม่สนผลลัพธ์ระยะสั้น คนที่มองโลกแง่ร้ายไม่เห็นความสำคัญของผลลัพธ์ระยะยาว ส่วนคนที่มองโลกตามความเป็นจริงเชื่อว่าสิ่งที่เราทำหรือไม่ทำในระยะสั้นคือตัวกำหนดผลระยะยาว
8. กฏแห่งความเจ็บปวด ทุกปัญหาทำให้เรารู้จักตัวเอง
“ถ้ายืนเฉยๆ คุณก็จะไม่พลาดเดินเตะอะไรสักอย่างเข้า ยิ่งเดินไปข้างหน้าเร็วเท่าไร คุณก็มีโอกาสพลาดเท่านั้น แต่นั่นทำให้คุณมีโอกาสไปถึงที่หมายมากขึ้นเช่นกัน”
9. กฏแห่งขั้นบันได
“คนส่วนใหญ่คิดว่าความสำเร็จเกิดจากสิ่งที่เขาทำ แต่สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด มันมาจากตัวที่เขาเป็น”
จากผลสำรวจคน 6 ทวีป 75000 คนกับคำถามเรื่องค่านิยมที่คุณมองหาและยกย่องในผู้นำคืออะไร คำตอบที่มีคนตอบมากที่สุดคือ “ความซื่อสัตย์”
มีคำถามว่าคนที่เคยชินกับการประสบความสำเร็จอยู่เสมอจะเตือนตัวเองให้รู้จักถ่อมตนได้อย่างไร คำตอบคือการรับใช้ผู้อื่น ความถ่อมตนจะช่วยปูทางไปสู่การเสริมสร้างคุณลักษณะที่ดีและทำให้เราพร้อมพัฒนาตัวเอง
10. กฏแห่งยางยืด
“โศกนาฏกรรมที่แท้จริงคือโศกนาฏกรรมของผู้ที่ไม่เคยทุ่มสุดตัวสักครั้งในชีวิต ไม่เคยทำในสิ่งที่เกินขีดความสามารถและไม่เคยพยายามไขว่คว้าความสำเร็จครั้งใหญ่”
ใช้ความไม่พอใจเป็นตัวกระตุ้นให้เริ่มทำในสิ่งที่คุณเลิกไปกลางคัน และรักษาความตึงเครียดเอาไว้เพื่อเป็นแรงส่งให้คุณไปยังจุดที่สามารถไปถึงได้โดยตั้งเป้าระดับกลางก่อน(เพราะถ้าตั้งสูงไปจะล้มเลิกไว) 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี แล้วค่อยตั้งเป้าระยะยาวเพื่อขยายขอบเขตความสามารถอยู่เสมอ
11. กฏแห่งการแลกเปลี่ยน การพัฒนาต้องแลกมาด้วยการเสียสละ
“ทุกความสำเร็จเป็นเพียงการตีตั๋วเพื่อไปเจอปัญหาที่ยากขึ้น”
การวัดความก้าวหน้าด้วยความมั่นคงไม่ใช่วิธีที่ฉลาดสักเท่าไร จะดีกว่าถ้าวัดกันด้วยความหมาย และการทำเช่นนั้นต้องอาศัยการพัฒนาตัวเอง คุณไม่มีทางไปถึงจุดหมายที่น่าสนใจได้ถ้าจะทำแต่สิ่งที่ปลอดภัย แต่อย่าลืมมุ่งมั่นเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผู้นำและองค์กรพยายามสร้างความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญแบ่งปันทรัพยากรและความรู้ให้กับผู้อื่นไม่สนใครจะได้รับความดีความชอบเป็นสายธารแห่งการช่วยเหลือผู้อื่น
12. กฏแห่งความสงสัยใคร่รู้
“คำว่า ทำไม ช่วยส่งเสริมการพัฒนา”
ผู้นำที่พัฒนาตัวเองต้องมุ่งเน้นการตั้งคำถาม ไม่ใช่การให้คำตอบ จงตั้งคำถามและท้าทายกระบวนการเดิมไปเรื่อยๆ หมั่นตั้งคำถามว่ามีวิธีที่ดีกว่าหรือไม่ มันจะเติมพลัง สร้างความท้าทาย และจุดประกายแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
13. กฏแห่งการมีแบบอย่าง
“การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องยากเมื่อคุณไม่มีใครให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง”
เราทุกคนอยู่ห่างจากความโง่เขลาเพียงก้าวเดียวเท่านั้น คนฉลาดมักจะช่วยให้เราเรียนรู้และพัฒนาได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ การพัฒนานั้นต้องมาจากทั้งสมองและหัวใจ มีเพียงคนที่สนับสนุนคุณเท่านั้นที่จะแบ่งปันทั้งสองสิ่งให้คุณ
โค้ชที่ดีมี 5 คุณลักษณะ
1) Care for the people they coach
2) Observe their attitudes, behavior and performance
3) Align them with their strengths for peak performance
4) Communicate and give feedback about their performance
5) Help them to improve their lives and performance
14. กฏแห่งการยกระดับ
“วิธีเดียวที่จะยกระดับความสามารถภายในคือการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง แค่เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มอย่างเดียวไม่พอ คุณเปลี่ยนวิธีคิดและสิ่งที่ทำด้วย”
อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการยกระดับความคิดตัวเอง การก้าวหน้าในหน้าที่การงานคุณต้องอยู่เหนือค่าเฉลี่ยโดยทำและเป็นให้มากกว่าถูกคาดหวัง เชื่อมั่นในตัวเองให้มากกว่าที่คนอื่นเชื่อมั่น ทำให้มากกว่าที่คนอื่นคิดว่าคุณควรทำ
15. กฏแห่งความเอื้อเฝื้อ
“การพัฒนาตัวเองช่วยให้คุณพัฒนาผู้อื่นได้”
การทำให้ตัวเองพึงพอใจคือการคิดว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นประโยชน์ต่อฉันอย่างไร
การพัฒนาตัวเองคือการคิดว่าสิ่งต่างๆ จะช่วยทำให้ฉันทำประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างไร
การทำให้ตัวเองพึงพอใจคือการมองว่าความรู้สึกดีเป็นผลลัพธ์
การพัฒนาตัวเองคือการมองหาความรู้สึกดีเป็นผลพลอยได้
จงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับผู้คนก่อนเป้าหมายตัว พัฒนาบุคลากรในที่ทำงานก่อนความก้าวหน้าตัวเองและรับใช้ผู้อื่นแทนที่จะให้ผู้อื่นรับใช้ตัวเอง
ชอบบทหลังๆ มากๆ และหวังว่าทุกคนก็จะชอบนะ อ่านเล่มเดียวล่อไปทั้งหยุดยาว 555+
ปล แนะอีกนิดเวลาอ่านสรุปแบบนี้มันจะเหมือนถูกกระหน่ำด้วยข้อมูล ถ้าอ่านหนังสือเองข้อดีมันจะแบบค่อยๆ ซึมซับ



Leave a comment